ข่าว

HREIT เพิ่มทุน 1.3 พันล้าน ดันผลตอบแทนกองทุนพุ่ง +9.2% ต่อปี

ย้อนกลับ29 ตุลาคม 2563

"HREIT" ในเครือ WHA Group จ่อขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งที่ 2 มูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 1,337.70 ล้านบาท เคาะราคาเสนอขายสูงสุด 7.50 บาท/หน่วย ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อ 16-20 และ 23-26 พ.ย. และบุคคลทั่วไปจองซื้อ 16-20 และ 23-27 พ.ย.นี้ หนุนรีเทิร์น +9.2% ต่อปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) เพิ่มทุนครั้งที่ 2 เพื่อลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวมไม่เกิน 1,337.70 ล้านบาท โดยเตรียมเสนอขายจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 137.50 ล้านหน่วย ในราคา 7.50 บาทต่อหน่วย พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจองซื้อระหว่างวันที่ 16-20 และ 23-26 พ.ย. และบุคคลทั่วไป ระหว่างวันที่ 16-20 และ 23-27 พ.ย.63

ทั้งนี้ ผู้บริหารเผยศักยภาพทรัพย์สินที่อยู่บนทำเลทองเติบโตตามยุทธศาสตร์ชาติเมกะโปรเจ็กต์ EEC ดึงดีมานด์กลุ่มลูกค้าบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติเช่าเพื่อเป็นที่ตั้งฐานการผลิต ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (occupancy rate) ของกองทรัสต์ อยู่ที่ระดับ 94% ซึ่งสูงเมื่อเทียบกับกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน ระบุหลังเพิ่มทุนสำเร็จ ขนาดทรัพย์สินรวมเพิ่มเป็น 11,250.94 ล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ภายใต้ WHA Group เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุน มีความโดดเด่นด้านทำเลทองที่มีศักยภาพสูงเพราะพื้นที่เช่าส่วนใหญ่ที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ตั้งอยู่ในโซนของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้กองทรัสต์ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนการลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ กองทรัสต์ ยังมีพื้นเช่าบางส่วนในจังหวัดสระบุรีซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่งไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่ที่กองทรัสต์ลงทุนจาก WHA Group ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ประกอบการต่างชาติระดับบิ๊กเนมหลายราย ย้ายฐานการผลิตเข้ามาใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group และด้วยแนวโน้มความต้องการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการเช่าพื้นที่ (occupancy rate) ของกองทรัสต์ HREIT อยู่ในระดับ 94% ซึ่งเป็นอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียวกัน และความต้องการเช่าพื้นที่จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยผลักดันให้อัตราค่าเช่าของกองทรัสต์ HREIT สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ กองทรัสต์ HREIT เป็นกองทรัสต์ที่มีการลงทุนในสิทธิการเช่าใน Ready Built Factory (อาคารโรงงานสำเร็จรูป) และ Ready Built Warehouse (คลังสินค้าสำเร็จรูป) ระยะเวลา 30 ปี และสิทธิในการต่ออายุสัญญาเช่าทรัพย์สินอีก 30 ปี โดยอยู่ภายใต้การบริหารของ WHA Group ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมฯอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยหลังจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ HREIT มีพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 3.8 แสนตารางเมตร

ด้าน นางสาวจารุชา สติมานนท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ HREIT กล่าวว่า กองทรัสต์ HREIT อยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 โดยจะทำการลงทุนในทรัพย์สินมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,337.70 ล้านบาท ในพื้นที่ 5 โครงการ โดยเป็นการลงทุนในพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้ารวม 48,127 ตารางเมตรโดยเป็นทรัพย์สินของ 3 บริษัท ได้แก่

  1. บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (สำหรับบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1)
  2. บริษัท ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด (สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) และ โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2 (WHA LP 2))
  3. บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล บิวดิ้ง จำกัด (สำหรับบางส่วนของโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1) โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4 (WHALP 4) และโครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี (WHA SIL))

ภายหลังจากการลงทุนในทรัพย์สิน ประมาณการสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์ HREIT จะเพิ่มขึ้นเป็น 11,250.94 ล้านบาท จากปัจจุบันกองทรัสต์มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 9,913.24 ล้านบาท

นายเศกธัช จงศิริวัฒน์ ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ HREIT กล่าวว่า การเพิ่มทุนของกองทรัสต์ HREIT จำนวนไม่เกิน 137.50 ล้านหน่วยนั้น ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมได้สิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.1956 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม

โดยจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจองซื้อระหว่างวันที่ 16-20 และ 23-26 พฤศจิกายน 2563 และสำหรับบุคคลทั่วไป จะเปิดให้จองซื้อ ระหว่างวันที่ 16-20 และ 23-27 พฤศจิกายน 2563 โดยผู้ลงทุนที่สนใจ จะทำการจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุด 7.50 บาท/หน่วย ทั้งนี้ หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุดก็จะทำการคืนเงินส่วนต่างให้กับผู้ลงทุนที่จองซื้อ

โดยภายหลังจากที่กองทรัสต์ HREIT มีการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลและเงินลดทุน (Total Distribution Yield) เพิ่มขึ้น เมื่ออ้างอิงจากประมาณกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งสอบทานโดยผู้สอบบัญชี และได้มีการประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนต่อหน่วย จำนวน 0.69 บาท หรือคิดเป็น 9.2% จากราคาเพิ่มทุนที่ 7.50 บาท

นายเศกรัช กล่าวอีกว่า ประกอบกับศักยภาพของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ HREIT เข้าไปลงทุนมีความโดดเด่นเรื่องอัตราการเช่าพื้นที่ (occupancy rate) ในระดับสูง ทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และศักยภาพของผู้เช่า ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับผลตอบแทนที่มีความมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว

ที่มา: prachachat